บทที่ 3 สกิลแม่ค้า
บทที่ 3
สกิลแม่ค้า
ข้อเสนอที่ตงตงว่ามานั้นถือว่าได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
ตงตงไม่เพียงได้คนช่วยงาน เหยียนหลิ่วยังมีสถานที่ฝึกซ้อม ไม่ต้องแอบฝึกในพื้นที่เล็กๆ แคบๆ ซ้ำยังได้จับอาวุธของจริง แม้อาวุธที่ว่าจะเป็นขวานก็เถอะ
ผ่านมาแล้ว 3 วัน หลังจากที่ได้คุยกับเหยียนหลิ่วครั้งแรก
เหยียนหลิ่วมาช่วยตงตงผ่าฟืน ช่วงแรก ตงตงจ่ายค่าแรงให้เขาเป็นซาลาเปาไส้หมูไซส์ใหญ่พิเศษ ต่อมา พอนางเริ่มเปิดร้านและหาเงินได้นิดหน่อย นางจ่ายเขาเป็นเงิน 10 อีแปะแถมด้วยซาลาเปา
ตอนแรก เหยียนหลิ่วยืนกรานไม่รับเงิน แต่ตงตงให้เหตุผล ถ้าเขาคิดจะออกไปเป็นทหาร ยังไงก็ต้องมีต้นทุน เขาจึงรับเงินของนางด้วยสีหน้าเกรงใจ
“ขอโทษทีนะ ช่วงนี้คุณชายอยู่บ้าน ข้าต้องรีบกลับไปรับใช้เขา เลยออกไปช่วยเจ้าเปิดร้านไม่ได้”
ในขณะกำลังช่วยตงตงเตรียมข้าวของใส่ตะกร้าสะพาย เหยียนหลิ่วเอ่ยประโยคนั้นด้วยสีหน้าลำบากใจ
ตั้งแต่ทำข้อตกลงกัน เหยียนหลิ่วข้ามกำแพงมาช่วยตงตงเตรียมของตั้งแต่เช้ามืด จากนั้นก็ใช้เวลาที่เหลือฝึกฝนร่างกาย
ผ่าฟืนเสร็จก็หวดขวานหนึ่งพันครั้ง วิ่งไปรอบๆ หลังบ้าน จากนั้นก็ทำท่าม้าย่อง นับหนึ่งถึงพัน
ตงตงนับถือความมุ่งมั่นของเขาเป็นอย่างมาก อยากสนับสนุนให้ได้มากที่สุด ให้เขาใช้พื้นที่ฝึกฝนและได้กินอาหารเช้าอย่างเต็มที่
“แค่ท่านยอมมาช่วยผ่าฟืนให้ ข้าก็ดีใจมากแล้ว ช่วงที่ข้าออกไปเปิดร้าน ท่านใช้บริเวณบ้านข้าได้ตามสบายเลย”
“อืม”
“ซาลาเปาของพี่ชายหลิ่วอยู่ในครัว ส่วนของท่านพ่อ ข้าเอาไปวางให้เขาแล้ว ท่านไม่ต้องห่วงเขา กินส่วนของตัวเองไปนะ” ตงตงพูดพลางสะพายตะกร้าขึ้นหลังโดยมีเหยียนหลิ่วช่วยประคองขึ้นหลัง
“ของซื้อของขาย ครั้งนี้ข้ากินแบบไม่จ่ายเงินไม่ได้” เหยียนหลิ่วพูดพร้อมกับควักเงินออกมายื่นให้ตงตง 5 อีแปะ
นางดันมือเขากลับไป “ข้าก็บอกแล้ว ซาลาเปากับเงินเป็นค่าจ้างที่ท่านควรได้รับ”
“แต่ว่า…”
“ถ้าพี่ชายหลิ่วไม่สบายใจ ตอนที่ได้เป็นทหาร ก็ค่อยเอาเงินมาจ่ายคืนให้ข้าแล้วกัน”
“เข้าใจแล้ว ข้าจะพยายามเป็นทหารให้ได้”
“ข้าไปเปิดร้านก่อนล่ะ”
“ขอบใจเจ้าอีกครั้ง เจ้าช่างเป็นเด็กดีจริงๆ”
ไม่พูดเปล่าๆ เหยียนหลิ่วยังลูบศีรษะเล็กๆ ของตงตงด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
ตอนแรกตงตงรู้สึกไม่ค่อยชอบใจนัก ถึงร่างกายนี้จะเด็กกว่าเขา แต่วิญญาณที่อยู่ในร่างก็อายุมากกว่าตั้งหลายปี ถึงอย่างนั้นนางก็พูดออกไปไม่ได้ ต้องปล่อยเลยตามเลย
พอถูกลูบหัวหลายๆ ครั้ง นางก็เลิกถือสา คิดเสียว่าเขาทำเพราะเอ็นนางเหมือนน้องสาว
“ข้าไปก่อนนะ”
“ไปดีมาดีล่ะ”
…..
…..
โรงเตี๊ยมของบ้านจางอยู่บนถนนถัดไป ผู้คนพลุกพล่านพอสมควร
ถึงจะเป็นเพียงโรงเตี๊ยมเล็กๆ ที่ปิดตัวไปแล้ว แต่เพราะเป็นทำเลดี ประกอบกับที่ท่านแม่มีชื่อเสียงด้านทำอาหาร ถึงท่านแม่จะเสียไปแล้ว หากก็ยังมีลูกค้าเก่าแวะเวียนมาอุดหนุน ซาลาเปาของนาง
ระหว่างรอน้ำต้มชาเดือด รอให้ซาลาเปานึ่งจนสุก ตงตงยกโต๊ะเก้าอี้ออกมาวางหน้าร้าน 2 ชุด เช็ดจนสะอาด
พอเตรียมร้านเสร็จแล้ว ตงตงก็ตะโกนเรียกลูกค้า
“ซาลาเปาจ้า ซาลาเปาร้อนๆ อร่อยๆ ลูกละ 3 อีแปะเท่านั้น”
ราวๆ 1 เค่อ(15 นาที) ลุงฉีที่เป็นลูกค้าเก่าของท่านแม่ก็เดินมาหน้าร้าน “ซาลาเปาไส้หมู 1 ลูก น้ำชา 1 กา”
“เจ้าค่ะ ลุงฉีนั่งรอก่อน เดี๋ยวข้ายกไปที่โต๊ะให้”
“ตั้งแต่ปิดร้านไปคราวก่อน ซาลาเปาของเจ้าอร่อยขึ้นมาก แอบไปฝึกทำซาลาเปามาหรือ” ลุงฉีพูดพลางเดินไปนั่งที่โต๊ะ
อันที่จริง เรื่องที่ตงตงนอนป่วยอยู่ในห้องไม่มีใครรู้ พวกเขารู้แค่ว่านางถูกชนตกน้ำเท่านั้น
ตงตงยิ้มพร้อมกับคีบซาลาเปาวางบนจาน ก่อนจะยกไปเสิร์ฟ
“เพราะได้ลุงฉีที่มาอุดหนุนและคอยแนะนำเรื่องรสชาติ ข้าเลยรู้ว่าต้องปรับปรุงตรงไหน”
“เข้าใจพูดเหมือนกุ้ยฉินไม่มีผิด” ลุงฉีกินซาลาเปาพลางดื่มชาด้วยสีหน้าเอร็ดอร่อย สักพักก็เปลี่ยนเรื่องคุย “เจ้าไคเฮ่อยังเก็บตัวอยู่ในห้องอีกหรือ”
“เจ้าค่ะ”
ลุงฉีถอนหายใจเฮือก
“หากไคเฮ่อทำใจได้เร็วเหมือนลูกสาวก็คงดี แต่เจ้าอย่าไปโกรธพ่อเจ้านักเลย เขารักแม่เจ้ามาก”
“ข้ารู้เจ้าค่ะ” ตงตงยิ้มจางๆ ในขณะตอบอย่างนั้น
จังหวะนั้นเอง ถังเหวินกับซานหลัวเฉินเดินเข้ามาหยุดหน้าร้าน
เด็กสาวหุบยิ้มทันควัน
ในความทรงจำของเด็กสาว ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ถังเหวินชอบมาหาเรื่องตงตงเป็นประจำ
ทั้งที่ไม่มีเหตุผลให้เป็นศัตรูกันเลยแท้ๆ ทำไมถึงต้องตามรังควานกันด้วย หากเป็นตงตงคนก่อนคงคิดแบบนั้น แต่พี่สาวตงตงคนนี้รู้ดี ถังเหวินทำไปเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจ
“นี่! เมื่อไรจะปิดร้านของเจ้าสักที เห็นแล้วขวางหูขวางตาชะมัด” ถังเหวินพูดจาเหมือนพวกนักเลง
“เจ้าว่างนักหรือถึงได้เดินมาเรื่องข้าไกลถึงหลายถนน”
บ้านของถังเหวินขายวัตถุดิบ แต่อยู่ห่างออกไปหลายถนน เหตุผลจริงๆ จึงไม่ใช่แค่ขวางหูขวางตา
“ข้าแค่หวังดี อยากเตือนให้เจ้าเก็บเศษเงินเอาไว้ซื้อข้าว ดีกว่าเอามาลงทุนแล้วต้องเจ๊ง”
ตงตงเดือดในใจ แต่เพราะเป็นคนค้าขาย ต้องเก็บอารมณ์เอาไว้
พอแอบสูดหายใจลึกๆ หลายที นางก็เปลี่ยนมายิ้มอย่างมืออาชีพ “ไหนๆ พี่ชายเหวินก็มาถึงร้านข้าแล้ว ไม่อุดหนุนข้าหน่อยหรือ”
“ทำไมข้าต้องอุดหนุนซาลาเปาห่วยๆ ด้วย”
“พี่ชายเหวินลองกินซาลาเปาของจ้าแล้วหรือ ถึงรู้ว่ารสชาติห่วย”
“ข้า…”
“ท่านมาตั้งไกล เดินเหนื่อยๆ อุดหนุนชาร้านข้าสักหน่อยก็ได้ 1 อีแปะเอง”
พอจู่ๆ นางก็พูดจาดีด้วย ถังเหวินถึงกับไปไม่เป็น
ตงตงตีเหล็กตอนร้อน รีบใช้โอกาสนี้เชียร์ลูกค้าต่อ
“พี่ชาย ‘ช่วย’ อุดหนุนน้ำชากับซาลาเปาหน่อยสิ”
ถังเหวินตะลึงและทำหน้ามึนงง ไม่คิดว่าตงตงคนคนนั้นจะกล้าพูดกับเขา สักครู่ผ่านไป เขาถึงถามนางว่า “ซาลาเปา 1 ลูก 3 อีแปะใช่หรือไม่”
“ใช่แล้ว กินซาลาเปาก็ต้องมีน้ำชา ชาร้านข้า 1 กา ราคา 1 อีแปะ”
เพราะเป็นใบชาราคาถูก นางจึงขายราคานี้
“งั้นเอามาอย่างละ 1”
จังหวะที่ถังเหวินก้มหยิบเงิน ซานหลัวเฉินที่เงียบมาตลอดก็ท้วงขึ้น
“พี่เหวิน ท่านกำลังถูกนางหลอกขาย”
“เจ้าโง่ เจ้าไม่เห็นหรือว่านางกำลังขอร้องข้า”
ซานหลัวเฉินถึงกับร้อง “หา!?”
นั่นไม่ใช่การขอร้อง แต่นางกำลังหลอกขายต่างหาก
“ดูสิ นางทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อขอร้องข้าเชียวนะ” ถังเหวินพูดพลางชี้ไปที่ตงตงด้วยสีหน้าภูมิใจ
เด็กสาวกะพริบตาปริบๆ ยิ้มอย่างขอร้องให้กับเด็กหนุ่มทั้งสอง
“พี่เฉินก็อุดหนุนข้าด้วยสิ”
“อะ เอ่อ…”
“พี่เหวิน พี่เฉิน ถ้าท่านซื้อซาลาเปา 2 ลูกตอนนี้ ข้าจะลดราคาเหลือลูกละ 2 อีแปะ ปกติข้าขาย 3 อีแปะเลยนะ” ไม่พูดเปล่า เด็กสาวหยิบซาลาเปาขึ้นมาและแบ่งครึ่ง “พวกท่านดู ข้างในอัดแน่นไปด้วยเนื้อ ตอนกินเข้าไปให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำเพราะมีไขมันหมูแทรกด้วย ไม่ฝืนคอเลยสักนิด”
สองหนุ่มมองซาลาเปามือของเด็กสาวพร้อมกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก
“งะ งั้นข้าเอาซาลาเปาเอา 1 ลูก”
จู่ๆ ซานหลัวเฉินก็ทำหน้าเขินอาย แต่ก็ยอมสั่งซาลาเปา 1 ลูก
ตงตงยิ้มแย้ม คีบซาลาเปาใส่จาน พร้อมกับยกชาไปเสิร์ฟให้กับเด็กหนุ่มทั้งสอง
ลุงฉีที่นั่งกินซาลาเปาหมดแล้ว เห็นวิธีการนางค้าขายของนางก็พยักหน้ายิ้มอย่างชื่นชม
ไม่คิดว่าตงตงคนนั้นจะมีลูกไม้แบบนี้ ไม่เพียงโน้มน้าวด้วยการลดราคา นางยังยิ้มประจบพวกเขา ช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง!
